ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 19.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 132 จุด หรือ 0.4% สู่ระดับ 33,436 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วัน หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ต่างบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะลดแรงกดดันต่อเฟดในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. และเพิ่มคาดการณ์ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI และ PPI
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 36.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 31.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในเดือนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ส.ค. ในหัวข้อ "Reassessing Constraints on the Economy and Policy"
ทั้งนี้ การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ คาดว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงในเดือนก.ค.
ในการแถลงต่อสภาคองเกรสก่อนหน้านี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่น 'อย่างไม่มีเงื่อนไข' ในการรักษาเสถียรภาพของราคา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายจากการที่เงินเฟ้อไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว