ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (15 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมันที่ปรับตัวลงหลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเกินคาดในเดือนก.ค.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,509.15 จุด เพิ่มขึ้น 8.26 จุด หรือ +0.11% โดยปรับตัวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์
นักลงทุนรอการเปิดเผยรายงานการจ้างงาน และดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษในสัปดาห์นี้เพื่อบ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ข้อมูลดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งที่สองติดต่อกันหรือไม่ในเดือนก.ย.
ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาในตลาดหุ้นเอเชียและยุโรป ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่งขึ้นถึง 2.6% หลังเปิดเผยว่ายาเอ็นเฮอร์ทู (Enhertu) ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งที่พัฒนาร่วมกับบริษัทไดอิชิ แซนเคียวของญี่ปุ่นนั้นสามารถชะลอการลุกลามของมะเร็งเต้านมในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านี้
แต่หุ้นเชลล์, หุ้นริโอ ทินโต และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หลังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ยังคงปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลกในปีนี้ เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ในดัชนีเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและโลหะที่พุ่งขึ้น นอกจากนี้ เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกที่มีรายได้เป็นดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นเกือบ 2% ในปีนี้ ขณะที่ดัชนี MSCI หุ้นโลก ร่วงลงเกือบ 13%