ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันอังคาร (16 ส.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทค้าปลีกช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อการอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,152.01 จุด พุ่งขึ้น 239.57 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,305.20 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,102.55 จุด ลดลง 25.50 จุด หรือ -0.19%
นักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ โดยวอลมาร์ทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.77 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.62 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.5286 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.5081 แสนล้านดอลลาร์
ส่วนโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 5.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.94 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 4.379 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.336 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกแล้ว ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะบรรลุเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากที่เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี
หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกพุ่งขึ้นผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท และโฮม ดีโปท์ โดยหุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.57% หุ้นโลว์ส (Lowe's) พุ่งขึ้น 2.92% หุ้นวอลมาร์ท ทะยานขึ้น 5.11% หุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้น 4.07% หุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 4.35%
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) บวก 0.92% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 0.82% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ดีดขึ้น 0.69% หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 2.43% หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 1.5%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.26% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ปรับตัวลง 0.79% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.37% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.31%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 9.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.446 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.540 ล้านยูนิต โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง
ขณะที่เฟดรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์