ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (17 ส.ค.) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทะยานขึ้น หลังจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมากในอังกฤษทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนแข็งแกร่งน้อยลงในไตรมาส 2
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 439.03 จุด ลดลง 4.04 จุด หรือ -0.91%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,528.32 จุด ลดลง 64.26 จุด หรือ -0.97%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,626.71 จุด ลดลง 283.41 จุด หรือ -2.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.75 จุด ลดลง 20.31 จุด หรือ -0.27%
ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลงวันเดียวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบมากกว่า 1 เดือน และเป็นการปรับตัวลงหลังบวกขึ้น 5 วันติดต่อกัน โดยถูกกดดันหลังจากการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.1% ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525
พันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนพุ่งขึ้นหลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนนั้นน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ยังคงแข็งแกร่ง และการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือนมิ.ย. แต่เผชิญกับปัจจัยลบในเดือนส.ค.จากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, เงินเฟ้อสูง และระดับน้ำที่ต่ำในแม่น้ำไรน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในเส้นทางการค้าหลักของเยอรมนี
ตลาดการเงินในยูโรโซนปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนก.ย.
สำหรับหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นยูนิเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของเยอรมนี ร่วงลง 12.1% หลังรายงานผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 1.23 หมื่นล้านยูโร (1.25 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณก๊าซที่ลดลงจากรัสเซีย
หุ้นซาโนฟี ซึ่งเป็นบริษัทด้านเฮลท์แคร์ของฝรั่งเศส ร่วงลง 5.7% หลังยุติการพัฒนายา amcenestrant ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม หลังจากประสบความล้มเหลวในการทดลองครั้งที่สอง