ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน รวมถึงความเสี่ยงที่ต้นทุนการกู้ยืมจะเพิ่มสูงขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ 4 รายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ แม้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะปรับขึ้นเร็วและมากเพียงใด
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,967.94 จุด เพิ่มขึ้น 25.80 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,852.92 จุด เพิ่มขึ้น 89.01 จุด หรือ +0.45% และ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,277.13 จุด ลดลง 0.4175 จุด หรือ -0.01%
โกลด์แมน แซคส์ และโนมูระ โฮลดิงส์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนเมื่อวานนี้ (18 ส.ค.) โดยอ้างอิงถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง รวมทั้งความไม่แน่นอนจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และวิกฤตพลังงาน
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3% จาก 3.3% ขณะที่โนมูระปรับลดคาดการณ์ GDP จีนในปี 2565 ลงเหลือ 2.8% จากระดับ 3.3%
หลังจากเทนเซ็นต์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกมจากจีน และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวีแชท (WeChat) รายงานรายได้ลดลงในไตรมาส 2/2565 เมื่อต้นสัปดาห์นี้ บริษัทเนตอีส ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ได้ฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุนด้วยการรายงานรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 13% ในไตรมาส 2/2565 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงเหนือความคาดหมาย
ตลาดคาดการณ์กันในวงกว้างว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. แต่มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% นอกจากนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะแตะจุดสูงสุดที่อย่างน้อย 3.50% แต่สมาชิกบางรายของเฟดสนับสนุนให้ดอกเบี้ยแตะระดับ 4% ขึ้นไป
เงินเฟ้อเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ 2.6% จาก 2.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงเหนือความคาดหมายที่ 2.2% และสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)