ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าแบบผสมผสานในวันนี้ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง หลังถูกกดดันจากแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยี และนักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นจีนพลิกจากการเปิดลบสู่ปิดภาคเช้าในแดนบวก
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,805.52 จุด ร่วงลง 124.81 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,812.52 จุด เพิ่มขึ้น 39.49 จุด หรือ +0.20% และ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,276.54 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด หรือ +0.57%
นักลงทุนกังวลว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะถดถอย โดยล่าสุด ตัวเลขคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% และ 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.เริ่มเข้าใกล้ 50-50 หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนเทน้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50%
"เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้น เนื่องจากยังไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้" นายโรดริโก คาทริล นักกลยุทธ์เงินตราของธนาคารเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์กล่าวในวันนี้
ขณะที่ นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมือง แจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.05% แตะที่ 3.65% จากระดับระดับ 3.7% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.15% สู่ระดับ 4.30% จากระดับ 4.45% ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีลง 0.10% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LRP ประเภท 5 ปีลงมากกว่า 0.10% ในวันนี้
ด้านบริษัท JD.com และเหม่ยถ่วนมีกำหนดรายงานผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้ ส่วนสิงคโปร์จะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ