ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบเป็นส่วนใหญ่ นักลงทุนวิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนที่เฟดจัดประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล วันศุกร์นี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,456.92 จุด ร่วงลง 337.58 จุด หรือ -1.17%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,560.55 จุด ลดลง 96.43 จุด หรือ -0.49% และ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,283.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.85 จุด หรือ +0.18%

"ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงจากแรงกดดันของหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ แม้การปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR เมื่อวานนี้ของจีนช่วยจำกัดความสูญเสียได้บางส่วน แต่ทิศทางขาขึ้นโดยรวมจะยังคงอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น เพราะนักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง" นายเยี๊ยบ จวินหรง นักกลยุทธ์ตลาดของบริษัท IG ในสิงคโปร์กล่าว

ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีลง 0.05% แตะที่ 3.65% จากระดับ 3.7% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.15% สู่ระดับ 4.30% จากระดับ 4.45% ในวันจันทร์ (22 ส.ค.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

"นักลงทุนระมัดระวังตัว หลังเกิดกระแสเม็ดเงินไหลออกจากตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง" นายแอนเดอร์สัน อัลเวส จากบริษัทแอกทิฟเทรดส์กล่าว พร้อมเสริมว่า ราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับยุโรป

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงกว่า 600 จุด ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงประมาณ 2% เช่นเดียวกัน