ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัย แม้ความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานและแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาสกัดกั้นการปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 432.05 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,386.76 จุด เพิ่มขึ้น 24.74 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,220.06 จุด เพิ่มขึ้น 25.83 จุด หรือ +0.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,471.51 จุด ลดลง 16.60 จุด หรือ -0.22%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลง 3 วันติดต่อกัน แต่ยังคงปรับตัวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเฮลท์แคร์นำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลงมากที่สุด 1.8%
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา, เงินเฟ้อที่ระดับสูง และแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลกับราคาก๊าซที่พุ่งขึ้นแล้ว 3 เท่าในรอบกว่า 2 เดือน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับปริมาณก๊าซจากรัสเซียในช่วงฤดูหนาว
นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ๊กสัน โฮล รัฐไวโอมิง หลังนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีเอโปลีสระบุย้ำว่า เฟดให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อก่อนเรื่องอื่น ๆ
จุดสนใจของตลาดจะอยู่ที่การเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งที่ผ่านมาของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นริชมอนต์ พุ่งขึ้น 3.6% หลังเปิดเผยว่าบริษัทฟาร์เฟตช์จะเข้าซื้อหุ้น 47.5% ใน YOOX Net-A-Porter ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ที่ขาดทุนของริชมอนต์ และบริษัทอาลับบาร์จะเข้าถือหุ้น 3.2%
นอกจากนี้ หุ้นบาวาเรียน นอร์ดิก ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของเดนมาร์ก พุ่ง 4.6% หลังเปิดเผยว่า บริษัทกำลังดำเนินความพยายามอย่างมากที่จะตอบสนองความต้องการวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงทั่วโลก