ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ (26 ส.ค.) และร่วงลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตค่าครองชีพ และตลาดยังถูกกดดันจากความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,427.31 จุด ลดลง 52.43 จุด หรือ -0.70%
ตลาดถูกกดดันหลังนายพาวเวลแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องมีการคุมเข้มนโยบายการเงินไปอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจะชะลอลง, ตลาดแรงงานอ่อนแอลง และจะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากออฟเจม (Ofgem) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบพลังงานไฟฟ้าและก๊าซของอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาพลังงานจะเพิ่มขึ้น 80% สู่ระดับเฉลี่ย 3,549 ปอนด์ต่อปีนับตั้งแต่เดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงินนำตลาดร่วงลง
ส่วนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นไอเอชจีซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ร่วงลง 4.4% หลังเจพีมอร์แกนปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไอเอชจีจาก "เพิ่มน้ำหนักลงทุน" เป็น "คงน้ำหนักการลงทุน"
หุ้นเชลล์ปิดบวก แต่หุ้นบีพีลดลง 0.4% หลังแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ยังไม่มีกำหนดเวลาสำหรับการเปิดดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันที่วิทติ้ง รัฐอินเดียนาหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้