ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นท่ามกลางวิกฤตพลังงานครั้งใหญ่ รวมถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 419.81 จุด ลดลง 2.84 จุด หรือ -0.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,210.22 จุด ลดลง 12.06 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,961.14 จุด เพิ่มขึ้น 68.15 จุดหรือ +0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,361.63 จุด ลดลง 65.68 จุด หรือ -0.88%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงมากกว่า 3% แล้วในช่วง 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังผู้กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ปรับตัวลงในยุโรป ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้น ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากเทรดเดอร์ปรับตัวรับโอกาสมากกว่า 2 ใน 3 ที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายวันที่ 8 ก.ย.
ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับแผนการที่บริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียจะระงับส่งออกก๊าซธรรมชาติให้กับยุโรปผ่านท่อส่งนอร์ดสตรีม 1 เป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันพุธนี้
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลงได้แก่หุ้นเอ็นจี (Engie) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของฝรั่งเศส ลดลง 0.7% หลังบริษัทก๊าซพรอมแจ้งกับเอ็นจีว่า จะลดการส่งมอบก๊าซตั้งแต่วันอังคาร (30 ส.ค.) เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด อาทิ หุ้นซาโนฟี บริษัทเวชภัณฑ์ของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ทำการตรวจสอบลำดับความสำคัญของยาที่ซาโนฟีพัฒนาร่วมกับบริษัทเอสโอบีไอของสวีเดน ขณะที่หุ้นเอสโอบีไอ บวก 1.2%