ตลาดหุ้นอังกฤษปิดลดลงในวันอังคาร (30 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงท่ามกลางความวิตกว่า การที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,361.63 จุด ลดลง 65.68 จุด หรือ -0.88% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 2 ปี เนื่องจากวิกฤตพลังงานทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหม่ในอังกฤษ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์เตือนว่า ภาวะเงินเฟ้อในอังกฤษอาจสูงเกิน 20% ในต้นปีหน้า หากราคาก๊าซยังคงพุ่งขึ้น
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ธุรกิจในภาคบริการของอังกฤษรายงานต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ และมีมุมมองเชิงลบในอนาคต เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มทำให้อุปสงค์ลดลงอีก
หุ้นบีพีซึ่งเป็นบริษัทน้ำมัน ร่วงลง 2% หลังราคาน้ำมันดิบดิ่งลงราว 4 ดอลลาร์/บาร์เรลจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ เกล็นคอร์ และริโอ ทินโต ร่วงลงราว 3% เนื่องจากราคาโลหะถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 0.9% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของอังกฤษพุ่งขึ้นมากถึง 0.25% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551