ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (31 ส.ค.) และปิดตลาดเดือนส.ค.ในแดนลบ โดยถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนส.ค.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยความวิตกเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มพลังงานทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากรัสเซียเริ่มยุติการส่งก๊าซให้กับเยอรมนีผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 415.12 จุด ลดลง 4.69 จุด หรือ -1.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,125.10 จุด ลดลง 85.12 จุด หรือ -1.37%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,834.96 จุด ลดลง 126.18 จุด หรือ -0.97% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,284.15 จุด ลดลง 77.48 จุด หรือ -1.05%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบ 6 สัปดาห์ และลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง 2.6% หลังจากราคาน้ำมันยังคงร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดในเดือนส.ค.ร่วงลง 5.1% จากความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ, ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และการปันส่วนพลังงานในยุโรป
อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 9.1% ในเดือนส.ค. จากระดับ 8.9% ในเดือนก.ค.ซึ่งสูงเกินคาด และสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระดับ 2%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ผู้กำหนดนโยบายของ ECB บางคนต้องการที่จะหารือเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. แม้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ตาม
บรรดานักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังรัสเซียยุติการส่งออกก๊าซผ่านท่อส่งนอร์ดสตรีม 1 ในวันพุธนี้
หุ้นเอนี (Eni) ของอิตาลี ร่วงลง 3.5% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะได้รับก๊าซในปริมาณที่ลดลงจากบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซีย