ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (31 ส.ค.) โดยปรับตัวลงรายวันรุนแรงที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากการเตือนเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้าได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงในอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,284.15 จุด ลดลง 77.48 จุด หรือ -1.05%
เงินเฟ้อของอังกฤษอยู่เหนือระดับ 10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ราคาพลังงานมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 80% จากเดือนต.ค. และคาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อไป ขณะที่โกลด์แมน แซคส์เตือนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า เงินเฟ้อในอังกฤษอาจพุ่งเกิน 20% ในต้นปีหน้า
ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนก.ย. และจะชะลอการปรับขึ้นเหลือ 0.25% ในเดือนพ.ย.ก่อนที่จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนจะรอการประกาศชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นบ่งชี้ว่า นางลิซ ทรัสส์ รมว.ต่างประเทศเป็นตัวเก็งที่จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวมากกว่านายริชิ ซูแนค อดีตรมว.คลัง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลการสำรวจที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอังกฤษร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ขณะที่บริษัทต่าง ๆ วิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว