ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลดลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (31 ส.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,673.14 จุด ร่วงลง 418.39 จุด หรือ -1.49%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,650.77 จุด ลดลง 303.62 จุด หรือ -1.52% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,209.87 จุด เพิ่มขึ้น 7.74 จุด หรือ +0.24%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากกรณีที่หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 6.6% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังรัฐบาลสหรัฐแจ้งให้อินวิเดียระงับการส่งออกชิปคอมพิวเตอร์ระดับสูง 2 รุ่นสำหรับงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับจีน
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) จากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีนในวันนี้ต่างก็แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลง จากผลพวงของปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และสงครามในยูเครน
นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกในเดือนนี้ โดยเมื่อคืนนี้ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่เหนือระดับ 4% ภายในต้นปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.25% - 2.50%