ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคนว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 207 จุด หรือ 0.66% สู่ระดับ 31,325 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 245,000 ราย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 74.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 26.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.
นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ก่อนที่จะสามารถผ่อนคลายมาตรการในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ
นางเมสเตอร์ระบุว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่เหนือระดับ 4% ภายในต้นปี 2566 และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ระบุว่าเฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในตลาดที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.