ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้น 2% ในวันศุกร์ (2 ก.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ชะลอตัวในสหรัฐทำให้นักลงทุนคลายความวิตกที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 415.97 จุด เพิ่มขึ้น 8.31 จุด หรือ +2.04% แต่ก็ยังคงลดลง 2% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,167.51 จุด เพิ่มขึ้น 133.20 จุด, +2.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,050.27 จุด เพิ่มขึ้น 420.04 จุด หรือ +3.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,281.19 จุด เพิ่มขึ้น 132.69 จุด หรือ +1.86%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนส.ค. แต่การขยายตัวของค่าแรงที่ชะลอตัว และอัตราการว่างงานที่ปรับตัวขึ้นนั้น อาจลดแรงกดดันที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังผู้กำหนดนโยบายแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในเดือนส.ค.
ข้อมูลจากริฟินิทีฟ (Refinitiv) ระบุว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับโอกาส 80% ที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เมื่อเทียบกับโอกาส 50% ที่มีการคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ จากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรป โดยบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียยุติการส่งออกก๊าซเป็นเวลา 3 วันเพื่อทำการซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. โดยในช่วงเช้าวันศุกร์ (2 ก.ย.) ก็ยังคงไม่มีการส่งก๊าซของรัสเซียผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ให้กับเยอรมนี
สำหรับหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นนั้นได้แก่ หุ้นเครดิตสวิสซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 6.1% หลังมีรายงานว่า ธนาคารกำลังพิจารณาที่จะปรับลดการจ้างงาน 5,000 ตำแหน่งเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน
หุ้นไรอันแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของไอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2.0% หลังจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค.เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน