ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (2 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านค่าแรงที่ลดลงในสหรัฐ ซึ่งได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป แต่ตลาดยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และทิศทางของนโยบายภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ที่จะมีการประกาศชื่อในวันจันทร์ (5 ก.ย.)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,281.19 จุด เพิ่มขึ้น 132.69 จุด หรือ +1.86% แต่ลดลงเกือบ 2% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า นางลิซ ทรัสส์ รมว.ต่างประเทศมีคะแนนนำในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยนางทรัสส์สัญญาที่จะปรับลดภาษี แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะจัดการอย่างไรกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์บางรายระบุว่า แผนการของนางทรัสส์จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และจะกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นหนุนตลาดได้แก่ หุ้นเชลล์ ซึ่งพุ่งขึ้น 2.2% หลังเชลล์และเอ็กซอน โมบิลยืนยันการขายบริษัทแอรา (Aera) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านน้ำมันในแคลิฟอร์เนียให้กับบริษัทอิคาฟ (IKAV) ของเยอรมนีในวงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์
หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.8% หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะหารือเรื่องการปรับลดผลผลิตในการประชุมวันจันทร์ที่ 5 ก.ย.นี้