ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (6 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับการแต่งตั้งนางลิซ ทรัสส์เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,300.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยหุ้นเกล็นคอร์ในกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 0.6% นำโดยหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ซึ่งพุ่งขึ้น 4.1% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอังกฤษปรับตัวขึ้น
นักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ขณะที่นักลงทุนบางรายวิตกว่า แผนการปรับลดภาษีของนางทรัสส์อาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อของอังกฤษทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ และจะสิ้นสุดลงในปี 2567
นางทรัสส์มีแผนการที่จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจผ่านการปรับลดภาษี และจะจัดสรรเงินราว 1 แสนล้านปอนด์ (1.16 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับการจัดหาพลังงาน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นางทรัสส์วางแผนที่จะใช้งบ 4 หมื่นล้านปอนด์ (4.622 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจในการรับมือกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มค้าปลีก พุ่งขึ้น 2.7% โดยปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพี และเชลล์ ร่วงลง 2.3% และ 1.7% ตามลำดับ โดยปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ
หุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้าน พุ่งขึ้น 3.6% หลังเปิดเผยว่ายอดขายในช่วง 4 เดือนจนถึงเดือนส.ค.นั้นสูงกว่าเมื่อปีที่แล้ว