ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งของสหรัฐจะหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,362.83 จุด ลดลง 263.68 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,880.22 จุด ลดลง 322.51 จุด หรือ -1.68% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,242.97 จุด ลดลง 0.4781 จุด หรือ -0.01%
ข้อมูลเมื่อคืนนี้แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมภาคบริการของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า เฟดจะไม่ชะลอระดับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.5 จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ค.
"ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจที่แท้จริงได้กลายมาเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดตราสารหนี้และหุ้น" นายเรดมอนด์ หว่อง นักกลยุทธ์ตลาดจีนของบริษัทแซกโซ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ในฮ่องกงกล่าว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียเช้านี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้อุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศลดลง นอกจากนี้ มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาคลื่นความร้อนยังส่งผลกระทบต่อการผลิต และทำให้เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
ส่วนยอดการนำเข้าเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.5% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนส.ค.อยู่ที่ 7.94 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดือนก.ค.ที่ระดับ 1.013 แสนล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.33 หมื่นล้านดอลลาร์