ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นหลังปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) โดยตลาดดีดตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง หลังเผยข้อมูลการค้าอ่อนแอกว่าที่คาด และจีนต่อเวลาล็อกดาวน์ในนครเฉิงตู เพื่อสกัดโควิด-19
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,992.25 จุด พุ่งขึ้น 561.95 จุด หรือ +2.05%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,969.82 จุด ลดลง 74.48 จุด หรือ -0.39% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,241.61 จุด ลดลง 4.69 จุด หรือ -0.14%
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
นครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ส่วนใหญ่อย่างไม่มีกำหนดในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยหวังที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 21.2 ล้านคน
"วันนี้ นักลงทุนในเอเชียจะจับตาผลกระทบที่มาตรการโควิดเป็นศูนย์มีต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อการนำเข้าสินค้าอย่างแน่นอน" นายแกรี เอ็ง นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของบริษัทเนทิซิสในฮ่องกงกล่าว
ขณะนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในเดือนนี้
"ผมคิดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่ตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยสำหรับการประชุมเดือนก.ย. โดยเฟดจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก" นายแจน เนฟรูซี นักวิเคราะห์ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์กล่าว