ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่า ราคาพลังงานจะลดลง และหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์จากการคาดการณ์แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 427.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด หรือ +1.76%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,333.59 จุด เพิ่มขึ้น 121.26 จุด หรือ +1.95%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,402.27 จุด เพิ่มขึ้น 314.06 จุด หรือ +2.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.03 จุด เพิ่มขึ้น 121.96 จุด หรือ +1.66%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ความพยายามที่จะผลักดันมาตรการหลายพันล้านยูโร เพื่อปกป้องภาคครัวเรือนจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มค้าปลีก พุ่งขึ้น 4.5% และหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 3.4% โดยบวกขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และยืนยันที่จะปรับขึ้นอีก
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเกือบ 10% แล้วในเดือนก.ย. และมีส่วนอย่างมากในการหนุนดัชนี STOXX 600 ซึ่งปรับตัวขึ้น 3% แล้วในเดือนนี้
หุ้นสวิสรี พุ่งขึ้น 2.6% หลังเปิดเผยว่า ความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลก, สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมหภาค และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้ความต้องการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น และจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น
บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากความหวังว่า วิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจบรรเทาลง หลังจากกองกำลังยูเครนรุกคืบยึดดินแดนคืนจากกองทัพรัสเซีย
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า