ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้นได้หนุนดัชนี FTSE 100 แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ แม้มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค.ก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.03 จุด เพิ่มขึ้น 121.96 จุด หรือ +1.66%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคักทั่วโลก หลังมีรายงานข่าวว่ากองกำลังยูเครนได้รุกคืบเข้าสู่พื้นที่ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียยึดครอง
หุ้นเฟอร์เร็กซ์โป ซึ่งทำธุรกิจเหมืองในยูเครน พุ่งขึ้น 11.3%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นมากที่สุด 4.4% โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ทะยานขึ้นมากกว่า 7% และหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 5.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 2.1% ตามราคาโลหะที่พุ่งขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าและมีความเสี่ยงด้านอุปทานในจีน
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.2% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นเอชเอสบีซี พุ่ง 2.1% หลังนายอีเวน สตีเวนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินเปิดเผยในการประชุมนักลงทุนว่า เอชเอสบีซีมีแนวโน้มที่จะเริ่มการซื้อหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อของอังกฤษในสัปดาห์นี้ เพื่อสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลที่เปิดเผยในวันจันทร์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ว่า เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว