ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันอังคาร (13 ก.ย.) โดยลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่เข้าทดสอบในช่วงเช้า ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 421.13 จุด ลดลง 6.62 จุด หรือ -1.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,245.69 จุด ลดลง 87.90 จุด หรือ -1.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,188.95 จุด ลดลง 213.32 จุด หรือ -1.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,385.86 จุด ลดลง 87.17 จุด หรือ -1.17%
ตลาดถูกกดดันหลังสหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเกินคาด และทำให้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในวันพุธหน้า
ในสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกินคาด 0.75% เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 3.2% และร่วงลงเกือบ 30% แล้วในปีนี้ โดยเป็นกลุ่มที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดในยุโรปรองจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 3.9% และกลุ่มค้าปลีกร่วง 3.5% หลังบริษัทออคาโด รีเทล และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์คาดว่า ยอดขายทั้งปี 2565 จะลดลง
แต่หุ้นยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ปรับตัวขึ้น 0.7% สวนทางตลาด หลังจากเปิดเผยแผนการที่จะเพิ่มเงินปันผล 10% สู่ 0.55 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนหุ้นเอวีวา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 3.1% หลังมีรายงานว่าบริษัทชไนเดอร์ อิเล็กทริกของฝรั่งเศสใกล้บรรลุข้อตกลงที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดของเอวีวามูลค่าราว 3.5 พันล้านปอนด์ (4.1 พันล้านดอลลาร์)