ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดดิ่งลงกว่า 1,200 จุดในวันอังคาร (13 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยเงินเฟ้อพุ่งสูงเกินคาด ส่งผลให้ตลาดวิตกว่าสหรัฐอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,991.82 จุด ร่วงลง 622.81 จุด หรือ -2.18%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,834.63 จุด ลดลง 492.23 จุด หรือ -2.55% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,230.49 จุด ลดลง 33.31 จุด หรือ -1.02%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีของสหรัฐพุ่งแตะ 3.79% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 1,276.37 จุด หรือ 3.94% แตะที่ 31,104.97 ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 4.32% แตะที่ 3,932.69 และดัชนี Nasdaq ลบ 5.16% ปิดที่ 11,633.57
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1%
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.1%
ขณะนี้ นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมเดือนก.ย. โดยข้อมูลจากการติดตามการคาดการณ์ดอกเบี้ย CME FedWatch ระบุว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% เพิ่มเป็น 33% จากเดิม 0% และโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ลดลงแตะ 67% จาก 91% ในวันก่อนหน้า
"สืบเนื่องจากที่เราคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย.อย่างแน่นอน หลังการเปิดเผยตัวเลข CPI จึงไม่มีเหตุผลที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกรอบ" นายเควิน คัมมินส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์กล่าว
"ขณะนี้เราคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินเฟด (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับในเดือนก.ค. จากการคาดการณ์เดิมที่ 0.25% และปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 4.25% - 4.50% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์เดิมที่ 0.25%"