ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะลดความผันผวนในคืนนี้ หลังจากทรุดหนักวานนี้
ณ เวลา 19.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 14 จุด หรือ 0.04% สู่ระดับ 31,226 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,200 จุดวานนี้ โดยทรุดตัวหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด ซึ่งจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงกว่าคาด
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 20-21 ก.ย.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 64% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนไม่เคยให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และเพิ่งเริ่มให้น้ำหนัก 18% เมื่อวานนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากโนมูระคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์จากโนมูระและสถาบันการเงินอื่นต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.
ขณะเดียวกัน โนมูระคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือนพ.ย.และธ.ค. ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.25% ในเดือนก.พ.2566