ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (14 ก.ย.) โดยตลาดฟื้นตัวจากแรงช้อนซื้อหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุดในวันอังคาร นอกจากนี้ การชะลอตัวของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,135.09 จุด เพิ่มขึ้น 30.12 จุด หรือ + 0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,946.01 จุด เพิ่มขึ้น 13.32 จุด หรือ +0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,719.68 จุด เพิ่มขึ้น 86.10 จุด หรือ +0.74%
ไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นหลังจากกระหน่ำขายออกมาอย่างหนักในวันอังคาร นอกจากนี้ การชะลอตัวของดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ยังช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดและส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมเดือนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค.
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ทั้งนี้ หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.29% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 4.79% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.40% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.49%
หุ้นสตาร์บัคส์ ทะยานขึ้น 5.53% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายในระยะเวลา 3 ปี
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.59% ขานรับข่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศอัดฉีดงบประมาณ 900 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการสร้างสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้า
หุ้นกลุ่มบริษัทรถไฟร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงของคนงานสร้างทางรถไฟ แม้ว่านายมาร์ตี้ วอล์ช รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของสหรัฐได้เจรจาต่อรองกับตัวแทนสหภาพแรงงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดเส้นทางเดินรถไฟ ทั้งนี้ หุ้นยูเนียน แปซิฟิก ร่วงลง 3.74% หุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น ดิ่งลง 2.16% หุ้นซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ร่วงลง 1.05%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 64% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนไม่เคยให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และเพิ่งเริ่มให้น้ำหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค