ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,837.43 จุด บวก 15.01 จุด หรือ 0.05%
ราคาหุ้นของบริษัท Sea ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสิงคโปร์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานในบริษัทช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซในเครือ โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปรับลดค่าใช้จ่าย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงกับบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Sea จะปรับลดพนักงานของบริษัทช้อปปี้ในอินโดนีเซียจำนวน 3% โดยจะกระทบพนักงานในฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายการตลาด
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทม์รายงานว่า บริษัท Shopee Singapore ได้ประกาศปลดพนักงานในวันนี้เช่นกัน โดยเป็นพนักงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการตลาด ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาค รวมทั้งฝ่ายวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์
การประกาศปลดพนักงานในสิงคโปร์และอินโดนีเซียในวันนี้มีขึ้น หลังจากช้อปปี้ได้ประกาศถอนตัวออกจากตลาดยุโรปและลาตินอเมริกาก่อนหน้านี้ รวมทั้งจากอินเดีย เนื่องจากถูกรัฐบาลอินเดียประกาศห้ามการดำเนินธุรกิจในประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งกับบริษัทจีน
การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75-1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี
การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวสูงกว่าระยะยาว ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี