ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันจันทร์ (19 ก.ย.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก รวมไปถึงการประชุมของธนาคารกลางอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 407.87 จุด ลดลง 0.37 จุด หรือ -0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,061.59 จุด ลดลง 15.71 จุด หรือ -0.26% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,803.24 จุด เพิ่มขึ้น 61.98 จุด หรือ +0.49%
ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษปิดทำการวานนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในรัฐพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธนี้ และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง
บรรยากาศการซื้อขายได้รับผลกระทบจากข่าวความล้มเหลวของแผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านทีวี 2 แห่งซึ่งได้แก่ TFI และ M6 ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะท้าทายบริการด้านสตรีมมิ่งของสหรัฐ อย่าง เน็ตฟลิกซ์
หุ้น TF1 ร่วง 2.3% และหุ้น M6 ร่วง 3.4% หลังจากข้อกำหนดด้านการป้องกันการผูกขาดตลาดส่งผลกระทบต่อข้อตกลงดังกล่าว
หุ้นโฟล์คสวาเกน บวก 1.1% หลังจากคาดว่ามูลค่าหุ้นปอร์เช่ในการทำ IPO ในตลาดหุ้นเยอรมนีจะสูงถึง 7.5 หมื่นล้านยูโร (7.51 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งจะเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของเยอรมนี
หุ้นปอร์เช่ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3.5%