ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ขณะที่ในวันนี้ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น และธนาคารกลางจีนมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ตามความคาดหมาย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,684.35 จุด เพิ่มขึ้น 116.70 จุด หรือ +0.42%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,812.22 จุด ขยับขึ้น 246.25 จุด หรือ +1.33% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้า3,129.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด หรือ +0.46%
เงินเฟ้อพื้นฐานในญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2557 และสูงกว่าการคาดการณ์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่า อาจปรับขึ้น 2.7% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 2.4%
ส่วนธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีที่ 3.65% และ 4.30% ตามลำดับในวันนี้ สอดคล้องกับความคาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยดูเหมือนว่าจีนจะระงับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินทันที หลังเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) หลังผันผวนเกือบตลอดรอบการซื้อขาย ขณะที่ นักลงทุนจับตาว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงใดในสัปดาห์นี้
ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ฟื้นตัวขึ้น หลังร่วงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายสัปดาห์ หลังตลาดคาดการณ์อย่างเต็มที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.75% ในวันที่ 21 ก.ย.นี้
ขณะนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงถึง 4.5% ภายในปี 2566 เมื่อเทียบกับกรอบอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.25% -2.50% ของเฟด ซึ่งสูงมากพอที่จะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจและฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสัญญาระยะยาว