ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ (21 ก.ย.) ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินซึ่งมีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ตลาดไม่สนใจการประกาศของรัสเซียที่จะทำการระดมทหารครั้งใหม่
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 407.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,031.33 จุด เพิ่มขึ้น 51.86 จุด หรือ +0.87%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,767.15 จุด เพิ่มขึ้น 96.32 จุด หรือ +0.76% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.64 จุด เพิ่มขึ้น 44.98 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ในช่วงเช้า หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียสั่งระดมกำลังทหารเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเตือนชาติตะวันตกว่า รัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามในยูเครน
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศได้แรงหนุน อาทิ หุ้นไรน์เมทัลล์, หุ้นลีโอนาร์โด, หุ้นเทลส์ และหุ้นบีเออี ซิสเทมส์ พุ่งขึ้น 4.0-9.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้น 1.6% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังข่าวรัสเซียประกาศระดมพลครั้งใหม่
หุ้นยูนิเปอร์ร่วงลง 25.3% หลังเยอรมนียืนยันการแปรรูปบริษัทยูนิเปอร์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าก๊าซจากรัสเซียรายใหญ่ที่สุดของประเทศไปเป็นของรัฐบาล เนื่องจากต้องจัดหาแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่ของรัสเซีย
ส่วนหุ้นฟอร์ทัมของฟินแลนด์ พุ่งขึ้น 9.5% หลังเยอรมนีตกลงที่จะแปรรูปบริษัทยูนิเปอร์เป็นของรัฐด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทฟอร์ทัม
บรรดานักลงทุนในตลาดต่างมุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟด ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง โดยเฟดประกาศผลการประชุมหลังตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ