ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอีก
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,047.37 จุด ลดลง 265.76 จุด หรือ -0.97%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,097.58 จุด ขยับลง 347.04 จุด หรือ -1.88% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้า 3,107.63 จุด ลดลง 9.55 จุด หรือ -0.31%
เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.6% ในปี 2566
ขณะที่ ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.5% ในวันนี้ ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยฮ่องกงดำเนินนโยบายการเงินสอดคล้องกับสหรัฐ เนื่องจากสกุลเงินฮ่องกงผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐในกรอบตึงตัวที่ 7.75 -7.85 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อดอลลาร์สหรัฐ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด แต่สวนทางกับธนาคารกลางอื่น ๆ ทั่วโลกที่พากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่า BoE จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.25% จากเดิมอยู่ที่ 1.75% ในเวลา 19.00 น.ของวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ ตลาดเงินต่าง ๆ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 2.50%