ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกว่า อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 399.76 จุด ลดลง 7.29 จุด หรือ -1.79%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,918.50 จุด ลดลง 112.83 จุด หรือ -1.87%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,531.63 จุด ลดลง 235.52 จุด หรือ -1.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,159.52 จุด ลดลง 78.12 จุด หรือ -1.08%
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง ยกเว้นหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเดินทาง ปรับตัวลง 4.24% และ 3.2% ตามลำดับ
ตลาดได้รับผลกระทบจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในวันพุธ และยืนยันที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงถึง 4.6% ในปี 2566 เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ธนาคารกลางสวิสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% และ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซน ซึ่งร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -28.8 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์
หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 1.10% แม้มีรายงานว่า แอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบินมูลค่า 4.85 พันล้านดอลลาร์จากเซียะเหมิน แอร์ไลน์สก็ตาม
หุ้นเครดิตสวิสร่วงลง 5.49% หลังเปิดเผยว่าบริษัทกำลังพิจารณาทางเลือกที่จะสนับสนุนแผนกวาณิชธนกิจ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มทุน, การแยกธุรกิจ และการถอนธุรกิจออกจากตลาดสหรัฐ