ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรหลังจากตลาดปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 26,651.60 จุด เพิ่มขึ้น 220.05 จุด หรือ +0.83%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 17,665.85 จุด ลดลง 189.29 จุด หรือ -1.06% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้า 3,059.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.26%
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นเกือบ 200 จุดในช่วงเช้านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวในวันนี้ หลังจากดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ และเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) ในวันจันทร์ (26 ก.ย.) อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ณ เวลา 09.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 196 จุด หรือ +0.67% แตะที่ 29,539 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี S&P500 ร่วง 1.03% แตะที่ 3,655.04 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดสำหรับปี 2565 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดขาลง หลังร่วง 329.60 จุด หรือ 1.11% แตะที่ 29,260.81 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 0.6% แตะที่ 10,802.92
"การเทขายตราสารหนี้และหุ้นดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยความอ่อนแอของเงินปอนด์ตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดต่าง ๆ ที่มีต่อความไม่แน่นอนทางนโยบาย" นักวิเคราะห์เอเอ็นซีระบุในวันนี้ เพียงหนึ่งวันหลังเงินปอนด์ร่วงแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แผนลดภาษีที่เสนอโดยรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ แห่งอังกฤษเพิ่มความเป็นไปได้ว่า นโยบายการคลังของอังกฤษจะสวนทางกับความพยายามของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการลดเงินเฟ้อผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย