ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (27 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับแผนเศรษฐกิจใหม่
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 388.24 จุด ลดลง 0.51 จุด หรือ -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,753.82 จุด ลดลง 15.57 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,139.68 จุด ลดลง 88.24 จุด หรือ -0.72% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,984.59 จุด ลดลง 36.36 จุด หรือ -0.52%
ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดของเดือนพ.ย. 2563 และตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลง หลังพุ่งขึ้นอย่างมากในวันจันทร์ขานรับผลการเลือกตั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลง หลังเงินปอนด์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับอ่อนค่าที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดทำงบประมาณย่อยของอังกฤษ
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวผันผวนและปิดลดลงหลังพุ่งขึ้นระหว่างวันมากถึง 1.3% และร่วงลง 4.4% แล้วในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของยูโรโซน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ตลาดวิตกเกี่ยวกับอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังการปรับขึ้น 0.75% จำนวน 3 ครั้งแล้ว และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอีก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม 2 ครั้งถัดไป โดย ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนนี้ สู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสาธารณูปโภคถ่วงตลาดลง และได้บดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเฮลท์แคร์