มูลค่าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษสูญหายไปแล้วอย่างน้อย 5 แสนล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ที่นางลิซ ทรัสส์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจากแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นโยบายการคลังชุดใหม่จากรัฐบาลทรัสส์เกิดขึ้นในช่วงที่อังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยนักลงทุนเกิดความกังวลว่า ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมจะพุ่งสูงในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น เป็นเหตุให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างรุนแรง จนทำให้ค่าเงินปอนด์ดิ่งแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และจุดชนวนข่าวลือว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจออกมาตรการฉุกเฉิน
อนึ่ง ดัชนี FTSE 350 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นในดัชนี FTSE 100 ที่เน้นการส่งออกและในดัชนี FTSE 250 ที่เน้นดำเนินธุรกิจภายในประเทศนั้น สูญมูลค่าตามราคาตลาดไปแล้วมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่นางทรัสส์ได้รับการยืนยันให้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษสูญเสียมูลค่าตลาดไปแล้วกว่า 1.6 แสนล้านปอนด์ (1.73 แสนล้านดอลลาร์)