ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (28 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่า จะเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อบรรเทาความปั่นป่วนในตลาดที่เกิดจากการเปิดเผยแผนการคลังของรัฐบาลอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 389.41 จุด เพิ่มขึ้น 1.17 จุด หรือ +0.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,765.01 จุด เพิ่มขึ้น 11.19 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,183.28 จุด เพิ่มขึ้น 43.60 จุด หรือ +0.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,005.39 จุด เพิ่มขึ้น 20.80 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้น หลังร่วงลงเกือบ 2% ในการซื้อขายช่วงเช้า เนื่องจากวิกฤตพลังงานที่รุนแรงขึ้นในยุโรป และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
BoE เปิดเผยว่า จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวจำนวนมากไปตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงวันที่ 14 ต.ค. เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงิน และระบุเสริมว่า จะเลื่อนการเริ่มโครงการขายพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์ออกไปก่อน ซึ่งส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น และราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของ BoE มีขึ้น หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และมูดี้ส์เพิ่มแรงกดดันต่ออังกฤษให้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เศรษฐกิจใหม่ซึ่งได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เสนอปรับลดภาษีครั้งใหญ่ และได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นและเงินปอนด์ร่วงลง
หุ้นกลุ่มพลังงาน, เฮลท์แคร์ และเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้น 0.4-2% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคร่วงลง
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกกดดัน หลังจากผู้กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันพุธ (28 ก.ย.) ว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรปเพิ่มขึ้น ขณะที่ยุโรปดำเนินการสอบสวนการรั่วไหลของท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม ซึ่งเยอรมนี, เดนมาร์ก และสวีเดนระบุว่า เป็นผลจากการถูกโจมตี
หุ้นกลุ่มประมง อาทิ โมวี, ลีรอย ซีฟู้ด และซัลมาร์ ร่วง 18-30% หลังรัฐบาลนอร์เวย์เสนอเก็บภาษีทรัพยากร 40% สำหรับการทำประมงปลาแซลมอนและปลาเทราต์ตั้งแต่ปีภาษี 2566