ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ระดับสูงและภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปีในเดือนก.ย. ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางจะคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 382.89 จุด ร่วงลง 6.52 จุด หรือ -1.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,676.87 จุด ลดลง 88.14 จุด หรือ -1.53%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,975.55 จุด ลดลง 207.73 จุด หรือ -1.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,881.59 จุด ลดลง 123.80 จุด หรือ -1.77%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และบรรดาผู้ค้าปลีกของยุโรปเตือนเกี่ยวกับผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดจากวิกฤตค่าครองชีพสูง
หุ้นเกือบทุกกลุ่มปรับตัวลง โดยกลุ่มค้าปลีกร่วง 4.4% โดยหุ้น H&M ซึ่งเป็นเชนสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก ร่วงลง 5.9% หลังเปิดเผยผลกำไรที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้น Next ร่วงลง 12.2% หลังปรับลดคาดการณ์ยอดขายและผลกำไร
การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนได้ตอกย้ำความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับผลประกอบการ ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานและธนาคารกลางต่าง ๆ ทำการคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลง 11 วันแล้วในรอบ 13 วันทำการที่ผ่านมา โดยร่วงลงมากกว่า 10%
ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากเกินคาดสู่ระดับ 10.9% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 25 ปี ซึ่งเป็นผลจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75%
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น หลังจากนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกมาปกป้องแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวมถึงการปรับลดภาษี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนร่วงลงอย่างรุนแรงและมากกว่าคาดในเดือนก.ย. โดยบริษัทต่าง ๆ และผู้บริโภคคาดว่า เงินเฟ้อจะสูงขึ้น และสถานการณ์ทางการเงินจะย่ำแย่ลง
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง ร่วง 0.9%
หุ้นโฟล์คสวาเกนและหุ้นปอร์เช่ เอสอี ปรับตัวลงด้วย หลังนักลงทุนหันไปซื้อหุ้นปอร์เช่ เอจี ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดวันแรกและพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดที่ 86.76 ยูโร