ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร แต่ตลาดยังคงปิดร่วงลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 3 โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ระดับสูง, อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 387.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด หรือ +1.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,762.34 จุด เพิ่มขึ้น 85.47 จุด หรือ +1.51%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,114.36 จุด เพิ่มขึ้น 138.81 จุด หรือ +1.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,893.81 จุด เพิ่มขึ้น 12.22 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยลดช่วงบวกลงบางส่วนหลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นเกินคาดแตะระดับ 10.0% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์ และทำให้มีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงอีก
หุ้นทุกกลุ่มปิดตลาดในแดนบวก โดยแรงซื้อเก็งกำไรหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ร่วงลง 4.8% ในไตรมาส 3/2565 เป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 โดยตลาดถูกกดดันนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาก๊าซทะยานขึ้นจนนำไปสู่เงินเฟ้อที่ระดับสูง และกระตุ้นให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
หุ้นผู้ผลิตชุดกีฬาของเยอรมนี อาทิ พูม่า และอาดิดาส ร่วงลง 5.7% และ 4.1% ตามลำดับ หลังบริษัทไนกี้ของสหรัฐเตือนเกี่ยวกับแรงกดดันด้านผลกำไร