ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง 500 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.ย. และเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 3 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า สถิติบ่งชี้ว่า เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี
นอกจากนี้ CFRA ชี้ว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยิ่งมีแนวโน้มดิ่งลงในเดือนก.ย. เนื่องจากนักลงทุนมักทำการเทขายหุ้นอย่างหนักในเดือนก.ย.และต.ค.ในปีเลือกตั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 4
เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์ พบว่า
- ร่วงลง 20.95% นับตั้งแต่ต้นปี 2565
- ดิ่งลง 22.26% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
- ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
- ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2558
เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนี S&P 500 พบว่า
- ร่วงลง 24.77% นับตั้งแต่ต้นปี 2565
- ดิ่งลง 25.59% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
- ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
- ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552
เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนี Nasdaq พบว่า
- ร่วงลง 27.40% นับตั้งแต่ต้นปี 2565
- ดิ่งลง 34.77% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
- ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2565
- ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552
อย่างไรก็ดี คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471