ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนต.ค. และเป็นวันแรกของไตรมาส 4
ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศไม่ได้ระบุถึงการประชุมที่จะมีขึ้นในวันนี้ของคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแต่อย่างใด โดยการประชุมดังกล่าวไม่ใช่การประชุมฉุกเฉิน หรือการประชุมนอกรอบของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC)
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,982.78 จุด บวก 257.27 จุด หรือ 0.90%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด สอดคล้องกับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมวันพุธนี้
การซื้อขายในวันนี้ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง 500 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.ย. และเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 3 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้