ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ทะลุแนว 29,000 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนต.ค. และเป็นวันแรกของไตรมาส 4
ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศไม่ได้ระบุถึงการประชุมที่จะมีขึ้นในวันนี้ของคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแต่อย่างใด โดยการประชุมดังกล่าวไม่ใช่การประชุมฉุกเฉิน หรือการประชุมนอกรอบของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC)
ณ เวลา 21.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,172.34 จุด บวก 446.83 จุด หรือ 1.56% ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1.52% และดัชนี Nasdaq ดีดตัว 1.18%
นักลงทุนส่งแรงซื้อเก็งกำไรเข้าตลาด หลังดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 500 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด สอดคล้องกับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมวันพุธนี้
นอกจากนี้ การซื้อขายในวันนี้ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้