ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 825.43 จุด รับความหวังเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 5, 2022 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุดในวันอังคาร (4 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ยังทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,316.32 จุด พุ่งขึ้น 825.43 จุด หรือ +2.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,790.93 จุด เพิ่มขึ้น 112.50 จุด หรือ +3.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,176.41 จุด เพิ่มขึ้น 360.97 จุด หรือ +3.34%

สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 1.1 ล้านตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.1 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS ที่ปรับตัวลงอย่างมากนั้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาสามารถชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจลงได้ และอาจจะทำให้เฟดลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า โดยที่ผ่านมานั้น JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ทางด้านธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แตะที่ 2.60% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

แอนโทนี เซกลิมบีน นักวิเคราะห์จากบริษัทอเมริไพรซ์ ไฟแนนเชียลในรัฐมิชิแกนกล่าวว่า RBA เป็นธนาคารกลางรายใหญ่รายแรกที่เริ่มตระหนักว่าควรจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในปีนี้ ซึ่งการดำเนินการของ RBA ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน ในการประชุมช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

ทั้งนี้ นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักสูงถึง 68.1%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงติดต่อกันวันที่ 2 โดยหุ้นแอมะซอน ทะยานขึ้น 4.5% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.38% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.04% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ปรับตัวขึ้น 1.2%

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.9% ขานรับรายงานที่ว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลามีแผนที่จะเดินหน้าทำข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์ในราคาหุ้นละ 54.20 ดอลลาร์

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ทะยานขึ้น 4.68% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 4.47% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 5.25% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.35%

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 265,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ