ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (4 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา อาทิ หุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,086.46 จุด เพิ่มขึ้น 177.70 จุด หรือ +2.57% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. และปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 4% นำโดยหุ้นเอชเอสบีซี ซึ่งทะยานขึ้น 4.5% หลังพิจารณาที่จะขายธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในแคนาดาตามที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเรียกร้อง
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เริ่มโครงการซื้อพันธบัตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังราคาพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษร่วงลง และนักลงทุนขานรับการยกเลิกแผนการปรับลดภาษีของรัฐบาลอังกฤษ
ตลาดหุ้นลอนดอนและตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างมากในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตเดือนก.ย.ที่อ่อนแอลง และการลดลงของราคาพลังงานในยุโรป
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด ได้ช่วยหนุนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงด้วย
หุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 2.7% และ 1.7% ตามลำดับ และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.3% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้น