ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (6 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,926.94 จุด ร่วงลง 346.93 จุด หรือ -1.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,744.52 จุด ลดลง 38.76 จุด หรือ -1.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,073.31 จุด ลดลง 75.33 จุด หรือ -0.68%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงหลุดจากระดับ 30,000 จุด ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิสกล่าวว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ จนกว่าจะมีหลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานได้ชะลอตัวลงแล้ว ซึ่งขณะนี้แทบไม่มีหลักฐานแสดงว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ขณะเดียวกันเขากล่าวว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน แต่การที่เฟดจะทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพียงเพื่อจะช่วยเหลือตลาดนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยง่าย
ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์คาดการณ์ว่า คณะกรรมการเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ก่อนสิ้นปี 2565 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอนแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เนื่องจากพันธบัตรดังกล่าวใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งต่างก็เป็นหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 1.13% หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ลดลง 0.53% หุ้นแอมะซอน ลดลง 0.54% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.97% หุ้นอินวิเดีย ลดลง 0.60%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับมติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.97% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 1.95% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.47% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.84%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 265,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.7%