ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 ต.ค.) เป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในยูโรโซน และการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุก นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 396.35 จุด ลดลง 2.56 จุด หรือ -0.64%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,936.42 จุด ลดลง 49.04 จุด หรือ -0.82%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,470.78 จุด ลดลง 46.40 จุด หรือ -0.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,997.27 จุด ลดลง 55.35 จุด หรือ -0.78%
รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 7-8 ก.ย.ของ ECB บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายมีความวิตกว่า เงินเฟ้ออาจยังคงอยู่ที่ระดับสูงมากต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกแม้จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม
ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา และยืนยันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ในขณะที่ยูโรโซนเผชิญกับเงินเฟ้อและวิกฤตค่าครองชีพ
ข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของยูโรโซนลดลงในเดือนส.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนแอ และตอกย้ำการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (7 ต.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันทะยานขึ้นจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสตกลงที่จะลดการผลิตน้ำมันถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มสาธารณูปโภค ร่วงลงราว 2%
หุ้นเชลล์ ร่วงลง 2.8% หลังเปิดเผยว่า ผลกำไรในไตรมาส 3 จะลดลง เนื่องจากค่าการกลั่นร่วงลงอย่างรุนแรง รวมถึงผลกำไรจากการขายก๊าซธรรมชาติลดลงอย่างมาก
ส่วนหุ้นเครดิต สวิส กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.6% สวนทางตลาด หลังเจพีมอร์แกน ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น คงน้ำหนักการลงทุน (neutral) จาก ลดน้ำหนักการลงทุนลง (underweight )