ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนคาดว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอในคืนนี้ จะเป็นปัจจัยชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 19.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 52 จุด หรือ 0.17% สู่ระดับ 30,034 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวจะเป็นบทพิสูจน์ความจริงในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งก็คือ "ข่าวไม่ดีคือข่าวดี"
การปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นความจริงดังกล่าว โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 800 จุดในวันอังคาร ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงถึง 1.1 ล้านตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.1 ล้านตำแหน่ง
นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้
ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานในเดือนก.ย.ดังกล่าวเป็นตัวเลขจ้างงานต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2020 แต่ยังสูงกว่าระดับ 167,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยรายเดือนในช่วงทศวรรษ 2010
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้ตัวเลขจ้างงานออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หากสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยรายเดือนดังกล่าว นักลงทุนก็อาจมองว่าสิ่งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงต้องจับตาตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลในรายงานจ้างงานดังกล่าว และเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานปรับตัวขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 5.2% ในเดือนส.ค.