ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ โดยดัชนีฮั่งเส็งร่วงนำตลาด เนื่องจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปจีนที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังสหรัฐออกมาตรการจำกัดการส่งออกรอบใหม่ เพื่อบั่นทอนการผลิตชิปของจีน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 17,298.32 จุด ลดลง 441.73 จุด หรือ -2.49% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้า 3,012.58 จุด ลดลง 11.81 จุด หรือ -0.39%
หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง อินเทอร์เนชันแนว คอร์ปอเรชันร่วงมากถึง 5.23% ขณะที่ หุ้นหัวหง เซมิคอนดักเตอร์ดิ่งลงกว่า 10% และหุ้นเซี่ยงไฮ้ ฟู่ตาน ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ คอมปะนีร่วง 24.6% ในการซื้อขายภาคเช้า
ทั้งนี้ คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐได้เผยแพร่มาตรการควบคุมการส่งออกครั้งใหญ่ในวันศุกร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงมาตรการตัดจีนออกจากชิปเซมิคอนดักเตอร์สำคัญที่ผลิตด้วยอุปกรณ์ของสหรัฐในทุกพื้นที่ของโลก
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (10 ต.ค.) เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ (Sports Day) ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันภาษาเกาหลี (Hangul Day) เช่นเดียวกับไต้หวันและมาเลเซียที่ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
ในวันพฤหัสบดีนี้ จีนจะเปิดเผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ย. ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และดุลการค้าเดือนก.ย.
ขณะที่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ส่วนสิงคโปร์เตรียมประกาศตัวเลขประมาณการ GDP สำหรับไตรมาส 3/2565
บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟเจอริง คอมปะนี (TSMC) และบริษัทฟาสต์ รีเทลลิงของญี่ปุ่นมีกำหนดรายงานผลประกอบการ และสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนก.ย.
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงกว่า 2% หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราว่างงานลดลงในเดือนก.ย. ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก