ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 26,480.97 จุด ร่วงลง 635.14 จุด หรือ -2.34%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 16,948.51 จุด ลดลง 268.15 จุด หรือ -56% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 2,986.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.97 จุด หรือ +0.40%
ขณะที่ ตลาดหุ้นไต้หวันร่วงกว่า 4% ในการเปิดซื้อขายวันแรก หลังวันหยุดนักขัตฤกษ์เมื่อวานนี้ โดยถูกกดดันจากการปรับตัวลดลงถึง 8% ของหุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง (TSMC) ขณะที่ นักลงทุนประเมินผลกระทบที่กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐจะมีต่อบริษัทผลิตชิปรายใหญ่แห่งนี้
"หุ้นเผชิญแรงเทขายแบบต่อเนื่อง เพราะผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นสร้างความหวั่นวิตกต่อนักลงทุน" นักวิเคราะห์ของบริษัทเอเอ็นซี รีเสิร์ช (ANZ Research) ระบุในวันนี้
ในวันพฤหัสบดีนี้ จีนจะเปิดเผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ย. ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และดุลการค้าเดือนก.ย.