ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (14 ต.ค.) หลังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษยกเลิกแผนการปรับลดภาษี ซึ่งฉุดตลาดทั่วโลกร่วงลงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 391.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด หรือ +0.56%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,931.92 จุด เพิ่มขึ้น 52.73 จุด หรือ +0.90%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,437.81 จุด เพิ่มขึ้น 82.23 จุด หรือ +0.67% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,858.79 จุด เพิ่มขึ้น 8.52 จุด หรือ +0.12%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศยกเลิกมาตรการด้านการคลังบางส่วนของรัฐบาล
นางทรัสส์ได้สั่งปลดนายควาซี ควาร์เต็ง ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของอังกฤษ และเปิดเผยว่า อังกฤษจะเดินหน้าแผนการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลต่อไป
การประกาศปรับลดภาษีของนายควาร์เต็งได้กระตุ้นแรงเทขายในตลาดพันธบัตรเมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ นายเจเรมี ฮันท์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีสาธารณสุขได้รับการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอังกฤษคนใหม่
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยร่วงลง 1.2% เข้าใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 2 ปีร่วงลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ไม่มีความจำเป็นต้องทำการโจมตียูเครนครั้งใหม่ และระบุว่า รัสเซียไม่ได้จ้องที่จะทำลายยูเครน
หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงแล้ว 19.8% ในปีนี้ เนื่องจากตลาดวิตกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่วิกฤตพลังงานที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้นได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปด้วย
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐรายงานผลกำไร และเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง