ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกเงินเฟ้อสูง-ดอกเบี้ยขาขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ระดับสูง, แนวโน้มที่ธนาคารกลางต่าง ๆ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก รวมถึงรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 397.73 จุด ลดลง 2.11 จุด หรือ -0.53%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,040.72 จุด ลดลง 26.28 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,741.41 จุด ลดลง 24.20 จุด หรือ -0.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,924.99 จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ -0.17%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังทะยานขึ้นติดต่อกัน 4 วัน โดยตลาดถูกกดดันหลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.1% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่เคยพุ่งขึ้นแตะในเดือนก.ค. และจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

ส่วนอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนได้ถูกปรับลดลงสู่ 9.9% จากระดับ 10% แต่ก็ยังคงเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกก่อนสิ้นปีนี้

หุ้นกลุ่มต่าง ๆ มากกว่าครึ่งในดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลง โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มค้าปลีกร่วงลงนำตลาด

หุ้นของบรรดาผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปรับตัวลง โดยหุ้นคัมพารีและหุ้นคาร์ลสเบิร์ก ร่วง 2.7% และ 3.5% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นโอลวี ร่วง 2% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอเอสเอ็มแอล โฮลดิง ซึ่งทำธุรกิจผลิตอุปกรณ์ชิป โดยหุ้นบวกสวนตลาดได้แก่ หุ้นเอเอสเอ็มแอล พุ่งขึ้น 8.2% หลังรายงานยอดขายและผลกำไรที่สดใสในไตรมาส 3 และบริษัทไม่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากนัก จากการที่สหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกชิปให้กับจีน

หุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์.คอม ปรับตัวขึ้น 1% หลังเปิดเผยว่าบริษัทสามารถทำกำไรรายไตรมาสได้เร็วกว่าคาด